จากมาตรฐานทองคำ สู่การครองตลาดโลก: วิวัฒนาการของการเทรดมาร์จิ้นในตลาดฟอเร็กซ์ (FX Margin Trading)

ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Foreign Exchange หรือ Forex) ปัจจุบันเป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก

โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของ Bank for International Settlements (BIS) – แบบสำรวจสามปี 2022 (Triennial Survey 2022)

อย่างไรก็ตาม ตลาดฟอเร็กซ์ในรูปแบบที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน ที่สามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ จาก คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเครื่องใดก็ได้  ในอดีตเคยเป็น สนามการเงินเฉพาะของธนาคารกลางและบริษัทข้ามชาติระดับโลกเท่านั้น

จากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ สู่ตลาดเสรีที่ผันผวน

จุดกำเนิดของตลาดฟอเร็กซ์ยุคใหม่เริ่มต้นในปี 1971 เมื่อระบบ Bretton Woods ล่มสลาย นำมาซึ่งการสิ้นสุดของระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ (Fixed Exchange Rate)

ก่อนหน้านั้น สกุลเงินหลักทั่วโลกถูกผูกไว้กับดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์เองสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำได้ตามมาตรฐานทองคำ (Gold Standard)

เมื่อความเชื่อมโยงนี้ถูกยกเลิก อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆ ก็เริ่ม “ลอยตัว” (Float) ทำให้เกิดโอกาสในการเก็งกำไร (Speculation) และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคแรกของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์

ตลอดช่วงทศวรรษ 1980 ระบบเทรดแบบอิเล็กทรอนิกส์เริ่มเข้ามาแทนที่ดีลเลอร์ที่ใช้โทรศัพท์

แพลตฟอร์ม Reuters Dealing 2000 และ EBS (Electronic Broking Services) กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานแรกเริ่มของสิ่งที่ปัจจุบันเรียกว่า Interbank Liquidity — เครือข่ายที่ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของโลกใช้ดำเนินการซื้อขายหลายล้านรายการต่อวัน

กำเนิดของการเทรดมาร์จิ้น (Margin Trading)

จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงทศวรรษ 1990 การเทรดแบบมาร์จิ้น (Margin Trading) จึงได้เปิดประตูสู่โลกฟอเร็กซ์สำหรับนักลงทุนรายย่อยอย่างแท้จริง

โบรกเกอร์เริ่มนำเสนอ บัญชีเทรดแบบมีเลเวอเรจ (Leverage Accounts) ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถควบคุมสถานะการซื้อขายที่มีมูลค่ามากกว่าทุนเริ่มต้นของตนหลายเท่า

เช่น หากใช้มาร์จิ้นเพียง 1% หมายความว่าเงินฝากเพียง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถควบคุมมูลค่าการเทรดสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้

ถือเป็นแนวคิดปฏิวัติวงการ ที่ทำให้การเข้าถึงตลาดเงินตราระดับโลก “เป็นประชาธิปไตย” มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม กลไกนี้ก็มาพร้อมกับ ความเสี่ยง เพราะแม้เลเวอเรจจะช่วย ขยายกำไร, แต่มันก็สามารถ ขยายขาดทุน ได้เช่นกัน

นั่นทำให้หน่วยงานกำกับดูแลต้องเข้ามาควบคุม เช่น

  • Financial Conduct Authority (FCA – สหราชอาณาจักร)
  • Commodity Futures Trading Commission (CFTC – สหรัฐอเมริกา)
  • Australian Securities and Investments Commission (ASIC – ออสเตรเลีย)

ซึ่งได้ออกข้อกำหนดจำกัดระดับเลเวอเรจ และกำหนดให้โบรกเกอร์ต้องมีเงินทุนสำรองตามเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้น กฎเหล่านี้ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน.

จากโต๊ะดีล (Dealing Desks) สู่ระบบ ECN และ STP

ในช่วงทศวรรษ 2000 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมฟอเร็กซ์ เมื่อมีการพัฒนาโมเดลการดำเนินคำสั่งแบบ STP (Straight-Through Processing) และ ECN (Electronic Communication Network) ขึ้นมา เพื่อขจัด ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างโบรกเกอร์และลูกค้า

แทนที่โบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็น Market Maker ที่รับคำสั่งไว้ภายในตนเอง

โบรกเกอร์แบบ ECN/STP จะส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าโดยตรงไปยัง ผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) เช่น ธนาคาร กองทุนเฮดจ์ฟันด์ หรือผู้ทำตลาดนอกระบบ (Non-bank Market Makers)

ส่งผลให้เกิด ความโปร่งใสของราคา (Pricing Transparency) และ ความรวดเร็วในการดำเนินคำสั่ง มากยิ่งขึ้น

โครงสร้างพื้นฐานในระดับสถาบันเช่นนี้ได้กลายเป็นรากฐานของระบบการเทรดรายย่อยทั่วโลกในปัจจุบัน

ตัวอย่างเช่น CXM Group ดำเนินธุรกิจภายใต้โมเดล B2B STP/ECN ที่เชื่อมต่อลูกค้าเข้ากับ Prime of Prime Liquidity —

ซึ่งเป็นแหล่งสภาพคล่องระดับเดียวกับที่ธนาคารรายใหญ่ใช้ในการเทรดจริง

สภาพคล่องที่ลึกในระดับนี้ช่วยให้ลูกค้าได้รับ สเปรดที่แคบกว่า, การลื่นของราคา (Slippage) ลดลงอย่างมาก

แม้ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูงก็ตาม.

อนาคตของการเทรดมาร์จิ้นในฟอเร็กซ์ (Margin FX)

เฟสต่อไปของวิวัฒนาการตลาดฟอเร็กซ์ถูกกำหนดโดย ความโปร่งใสและเทคโนโลยี

เทรดเดอร์ต้องการ:

  • รายงานการดำเนินคำสั่งแบบเรียลไทม์
  • การเข้าถึงโซลูชัน PAMM และ Copy-Trading
  • ฟีเจอร์คุ้มครอง เช่น Negative Balance Protection และ ตัวเลือกเลเวอเรจไม่จำกัด

ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผสมผสาน ความยืดหยุ่นในการเทรด เข้ากับ การบริหารความเสี่ยงในระดับสถาบัน

เมื่อโบรกเกอร์อย่าง CXM  ยังคงลงทุนใน

  • การดำเนินคำสั่งที่ หน่วงเวลาต่ำ (Low-Latency Execution)
  • การกำกับดูแลในหลายเขตอำนาจศาล (Multi-Jurisdictional Regulation)
  • และการสร้างพันธมิตรด้านสภาพคล่องลึก (Deep Liquidity Partnerships)

การเทรดมาร์จิ้นในฟอเร็กซ์จึงอยู่ที่ จุดตัดระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับโลกดิจิทัล —

ตลาดที่เกิดจากการล่มสลายของมาตรฐานทองคำ ตอนนี้ขับเคลื่อนด้วย อัลกอริทึมและศูนย์ข้อมูล (Algorithms & Data Centers)

เทรดกับ CXM

คุณต้องการสำรวจโลกแห่งการเทรดที่น่าสนใจหรือไม่?
เพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น!
บทวิจารณ์ที่ยอดเยี่ยม ใน
trust pilot logo
vix
VIX
18.53 / 19.27
gbpusd
GBPUSD
1.30825 / 1.30828
eurusd
EURUSD
1.15139 / 1.15141
us
US30
47369.65 / 47372.55
nas
NAS100
25677.90 / 25679.40
ger
GER30
24035.70 / 24037.40
xauusd
XAUUSD
4006.37 / 4006.42
xagusd
XAGUSD
48.641 / 48.662
ethusd
ETHUSD
3398.93 / 3401.94
btcusd
BTCUSD
103199.80 / 103234.90
ukoil
USOIL
59.946 / 59.980
ukoil
UKOIL
63.833 / 63.882